Monday, January 5, 2015

ลงทุนกองทุนรวม LTF ปี 2554 มาถึงปีนี้ได้ผลตอบแทนเท่าไหร่

ใครที่ลงทุนในกองทุน LTF ในปีปฏิทิน 2554 ตั้งแต่วันนี้จะเริ่มขายหน่วยลงทุนได้แล้ว ซึ่งให้ผลตอบแทนรวมมากกว่า 50% เลยทีเดียว


ดัชนีหุ้นไทยวันทำการสุดท้ายของปี 2554 (30/12/2554) อยู่ที่ 1025.32 จุด ผ่านมาจนถึงวันนี้ดัชนีอยู่ที่ 1483.25 จุด เพิ่มขึ้นมาถึง 44.66%


นั่นคือถ้าใครลงทุนกองทุน LTF ในวันทำการสุดท้ายของปี 2554 และมาขายคืนในวันแรกของปีปฏิทินนี้ ผลตอบแทนควรจะมากกว่า 44.66%


ผมยกตัวอย่างกองทุน KFLTFDIV ของบลจ.กรุงศรีที่ทำผลงานได้ดีที่สุด 5 ปีย้อนหลังในบรรดากองทุนรวมหุ้น LTF ราคา NAV ณ วันที่ 30/12/2554 อยู่ที่หน่วยละ 18.51495 บาท ถ้ามาขายคืนวันนี้ 5/1/2558 ที่ราคา NAV 26.1545 บาท จะมี Capital Gain หรือส่วนต่างราคาถึงหน่วยละ 7.63955 บาท รวมเงินปันผลตลอด 3 ปีอีกหน่วยละ 2.50 บาท


เพราะฉะนั้นตลอด 3 ปีที่ลงทุนในกองทุนรวม KFLTFDIV จะได้ Capital Gain (ส่วนต่างราคา) + เงินปันผล ที่หน่วยละ 10.13955 บาท


ถ้าเราลงทุนกองทุนรวม KFLTFDIV ณ วันที่ 30/12/2554 มูลค่า 50,000 บาท (ต่อแรกที่ได้คือการประหยัดภาษีตามฐานภาษีของท่าน) ณ ราคา NAV 18.51495 จะได้หน่วยลงทุน 2,701.4006 หน่วย มาขายคืนวันที่ 5/1/2558 ที่ราคา NAV 26.1545 บาท


จะได้เงินคืนทั้งหมด 77,390.98 (เงินส่วนต่าง + เงินปันผลระหว่างทาง)


กำไรประมาณ 54.78%


เนื่องจากเป็นกองทุนลดหย่อนภาษี ถ้าท่านเอาเงินที่ลดหย่อนได้มาคิดรวมเป็นผลตอบแทนด้วยจะได้ฐานภาษี 10% + เข้าไปอีก 5,000 (กำไร 64.78%) ฐานภาษี 20% + เข้าไปอีก 10,000 บาท (กำไร 74.78%)


นี่คือผลตอบแทนของการลงทุนในกองทุนรวม LTF ที่เป็นทางเลือกหนึ่งของการออมเงินที่ผลตอบแทนมากกว่าการฝากธนาคารและประหยัดภาษีเป็นผลพลอยได้ครับ

Monday, November 10, 2014

SET เดือนพ.ย.ต้องขึ้นเหนือ 1602 จุดให้ได้เพื่อยืนยันขาขึ้น


ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา 2556 - 2557 ตลาดหุ้นไทยจะทำจุดสูงสุดใหม่ทุกๆ เดือนคี่ในช่วงกลางเดือนถึงสิ้นเดือน 3 / 7 / 9 /11 / 1 / 3 / 5 / 7 / 9  โดยปี 2556 จุดสูงสุดจะเป็นลักษณะย่อตัวลงนั่นคือ "ขาลง" ขณะที่ปี 2557 จุดสูงสุดใหม่จะสูงขึ้นทุกๆ เดือนคี่ นั่นคือเป็น "ขาขึ้น" //// เพราะฉะนั้นจับตา SET หลังจากกลางเดือนนี้ (เดือน 11)เป็นต้นไปต้องทำจุดสูงสุดใหม่ที่เคยทำไว้เมื่อเดือนกันยายน 2557 ที่ 1602 จุดให้ได้ ถ้าทำไม่ได้นั่นอาจหมายถึงสภาวะของการเป็นตลาดขาลงรอบใหม่ ***จับตาตั้งแต่ 15 พ.ย. เป็นต้นไป SET จะต้องผ่านแนวต้าน 1602 ให้ได้เพื่อยืนยันแนวโน้มขาขึ้น ถ้าผ่านไม่ได้อาจเป็นลักษณะออกข้างหรือขาลงรอบใหม่**  MoneyFin

Friday, October 24, 2014

คาดการณ์ SET จาก EPS และ PE


ความสัมพันธ์ของการเติบโตของกำไรสุทธิกลุ่มธนาคารจะสามารถคาดการณ์กำไรสุทธิต่อหุ้นของ SET ได้คร่าวๆ ด้วยความสัมพันธ์กัน 88%และกลุ่มธนาคารมีกำไรเป็นอันดับ 2 ของตลาดรองจากกลุ่มพลังงาน

หากดูกำไรของกลุ่มธนาคาร 3 ไตรมาสของปี 2557 ที่ประกาศออกมาปรากฎว่าออกมาโตเพียงแค่ 3.4% จากปีที่แล้ว ดังนั้นหากเอาอัตราการเติบโตของกลุ่มธนาคารมาคาดการณ์กำไรสุทธิต่อหุ้นของ SET ในปี 2557 จะอยู่ที่ 93.68 บาท

และหากเอาอัตราการเติบโตกำไรของกลุ่มธนาคารที่คาดว่าจะโตประมาณ 10% ในปี 2558 มาจะได้ EPS ตลาดที่ 103.04 บาท

หาก EPS ปี 2557 อยู่ที่ 93.68 บาทณ ค่า PE 16 เท่าที่ถือเป็นกรอบบนและเกินกว่านี้ถือว่าดัชนีสูงเกินไป จุดที่เกิน 1498.88 จุดจะถือว่าแพงไปแล้ว
(ยกเว้นแต่ว่ากำไรสุทธิต่อหุ้นของตลาดจะโตมากกว่า 93.68 บาท)

ดังนั้นดัชนี ณ วันศุกร์ที่ 24/10/2014 ที่ 1539.91 จุด ถ้ากำไรสุทธิตลาดปี 2557 ทำได้ 93.68 บาท จะถือว่ามีมูลค่าสูงไป ณ มูลค่าปี 2557 นั่นคือการซื้ออนาคตปี 2558 ไปแล้ว

แต่ถ้าเป็นการลงทุนระยะยาวมากกว่า 1 ปีขึ้นไป การซื้อหุ้นดัชนีตรงนี้และหวังว่าปี 2558 ดัชนีจะมากกว่า 1650 จุด เป็นการลงทุนที่ทำได้ (ถ้ากำไรสุทธิของตลาดปี 2558 โต 10% จริง)

Thursday, October 9, 2014

สัญญาณภาวะตลาดหมี


สัญญาณภาวะ "ตลาดหมี" เข้ามาแทนที่ "ตลาดกระทิง" ไม่เพียงแต่ตลาดหุ้นไทยเท่านั้นที่กำลังกังวลเรื่องนี้

ตลาดหุ้นอเมริกาที่เพิ่งโดนบอมบ์จาก IMF ว่ากำลังเข้าขั้น "ฟองสบู่" ก็กำลังเผชิญกับคำถามเหล่านี้เช่นกัน

Barry Ritholtz คลอลัมนิสต์ของ BloomBerg ตั้งข้อสังเกตว่านอกจากประเด็นแผ่นเสียงตกร่องที่เอามาอ้างถึงการปรับฐานของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็นการแข็งค่าของเงินสกุลดอลล่าร์ ตัวเลขเศรษฐกิจยุโรปอยู่ในภาวะอ่อนแอ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยเงินอัดฉีด QE เป็นเดือนสุดท้าย IMF ลดเป้าการเติบโตของเศรษฐกิจโลกแล้ว

เขาตั้งข้อสังเกตว่ายังมีประเด็นอื่นที่น่าสนใจคือ

1.หลังวิกฤติซับไพร์มเป็นต้นมา ตลาดหุ้นสหรัฐฯเข้าสู่สภาวะตลาดกระทิงขาขึ้นมาร่วม 5 ปีครึ่งแล้ว

2.หุ้นขนาดเล็กของอเมริกาในดัชนี Russell 2000 หลุดเส้นค่าเฉลี่ย 200วันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2012

(การหลุดเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันตีความได้ว่าเป็นสัญญาณขาลงของตลาดที่ชัดเจน นั่นหมายถึงนักลงทุนที่มีหุ้นต้นทุน 200 วันที่จัดเป็นนักลงทุนระยะยาว 1 ปีขึ้นไปเริ่มขายหุ้นออกมาแล้ว)

3.เกือบครึ่งของหุ้นใน Nasdaq ปรับตัวลดลงมากกว่า 20% หลังจากทำจุดสูงสุดในรอบปี

4.ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลง 3% หลังจากทำจุดสูงสุด

นักวิเคราะห์บางคนบอกว่าการเข้ามาเทรดในตลาดหุ้นครั้งแรกของยักษ์ใหญ่ Ecommerce จีน เว็บไซต์ Alibaba นั่นเป็นสัญญาณเริ่มต้นเตือนถึงภาวะฟองสบู่

หลังจากจบมาตรการ QE พิมพ์แบงก์อัดฉีดเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจของ FED ในเดือนนี้

จากนี้ตลาดจะเข้าสู่ "โลกแห่งความเป็นจริง" แล้ว

MoneyFin

Wednesday, September 24, 2014

#SET จะไป 1650...เรียนรู้จากเพื่อนบ้าน


หากดูภาพรวมตลาดประเทศไทย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ หรือที่ต่างชาติเรียกว่ากลุ่ม TIPs เป็น “ตระกร้า” การลงทุนเดียวกัน จะเห็นได้ว่ารูปทรงกราฟการเคลื่อนไหวของตลาดจะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน

ทั้งนี้เป็นเพราะเม็ดเงินที่ขับเคลื่อนหรือปัจจัยที่ดันตลาดทั้ง 3 ตลาดมาจากนัลงทุนต่างชาติเป็นสำคัญ

หากนับตั้งแต่ตลาดปรับตัวลดลงแรงที่สุดพร้อมกันทั้ง 3 ตลาดเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2557 ด้วยการประกาศยุติมาตรการ QE ของทางการสหรัฐฯ หลังจากนั้นจะเห็นได้ว่าตลาดทั้ง 3 เคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกัน

สำหรับประเทศไทยช่วงครึ่งปีหลังต่อเนื่องมาถึงครึ่งปีแรกเผชิญปัญหาทางการเมือง ทำให้ตลาดของไทย underperform ตลาดเพื่อนบ้านอย่างชัดเจน

ในช่วงตลาดขาขึ้นรอบนี้ตลาดอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์สามารถขึ้นไปทดสอบจุดสูงสุดเดิมที่เคยทำไว้ในช่วงตลาดขาขึ้นเมื่อเดือนพฤษภาคม 2556
หากเปรียบเทียบกับประเทศไทยนั่นคือ 1650 จุดที่ SET เคยทำได้เมื่อกลางปี 2556 ซึ่งไทยยังไม่สามารถขึ้นไปทดสอบได้

จากการตรวจสอบยอดซื้อ – ขายของต่างชาติพบว่า ตั้งแต่ต้นปี 2557 ต่างชาติยังขายสุทธิหุ้นไทย 235 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่ซื้อสุทธิในตลาดหุ้นอินโดนีเซียมากถึง 4,546 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนฟิลลิปปินส์เป็นยอดซื้อสุทธิ 1,254 ล้านเหรียญสหรัฐ

ดังนั้นการที่ #SET จะผ่านแนวต้าน 1600 จุดขึ้นไปทดสอบจุดสูงสุดเก่า ณ 1650 จุด ต้องอาศัยแรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติอย่างมหาศาล ซึ่งตลอดเดือนกันยายนที่ผ่านมาต่างชาติเป็นยอดซื้อสุทธิ เมื่อเทียบกับอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ที่เป็นยอดขายสุทธิ

นัลงทุนต่างชาติเป็นปัจจุยสำคัญสำหรับด่าน 1600 – 1650 จุด ซึ่งตลาดหุ้นไทยยังถือว่ามี Upside ถ้าพื้นฐานเศรษฐกิจไม่ได้แย่เกินไป และไม่มีปัจจัยการเมืองมากดดันให้เกิดความไม่แน่นอน เพราะสิ่งที่ต่างชาติไม่ชอบคือ “ความไม่แน่นอน”

www.facebook.com/MoneyFin
MoneyFin99.Blogspot.com

Saturday, September 20, 2014

เก็บตก IPO Alibaba.com



BloomBerg เล่นข่าว IPO Alibaba ตั้งแต่คืนวานเป็น Running Story ต่อเนื่องมาถึงวันนี้ต่อ เอาเป็นว่าเจาะลึกกันทุกแง่มุมเลยทีเดียว ซึ่ง Bloomberg ก็โหมตีข่าว Alibaba เข้าเทรดในตลาดหุ้นนิวยอร์กมาตั้งแต่ต้นปีแล้ว เพราะดีลนี้ถือเป็น IPO ครั้งประวัติศาสตร์หนึ่งของบริษัทจากพญามังกรในดินแดนพญาอินทรี

ราคาปิดของหุ้น Alibaba.com (ชื่อย่อ "BABA") เมื่อคืนปิดที่ 93.89 เหรียญสหรัฐฯต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 38% จากราคา IPO ุ68 เหรียญสหรัฐฯต่อหุ้น สร้างประวัติศาสตร์ใหม่ให้กับวงการการเงิน E-commerce โลกดังนี้

1.คนรวย 400 อันดับแรกของโลก รวยขึ้นอีก 7 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

2.Jack Ma ผู้ก่อตั้ง Alibaba.com กลายเป็นบุคคลที่รวยที่สุดของจีนด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 26,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และเป็นคนที่ร่ำรวยอันดับ 2 ของเอเชียรองจากมหาเศรษฐีชาวฮ่องกง "ลีกาซิง" เท่านั้น

3.มูลค่าของ Alibaba.com มีมากถึง 230,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ มากกว่ามูลค่าของ 2 บริษัทยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯอย่าง Amazon.com Inc และ EBay  Inc รวมกันเสียอีก และแน่นอนว่ามากกว่าบริษัท E-Commerce สัญชาติจีนอย่าง Tencent และ Baidu

4.Alibaba กลายเป็นบริษัทด้าน E-Commerce เป็นอันดับ 2 ของโลกรองจาก Google เท่านั้น

5.เป็นการระดมทุนที่มีมูลค่าสูงสุดถึง 21,800 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ทำลายสถิติของทุกบริษัทที่ IPO ในตลาดหุ้นสหรัฐฯก่อนหน้านี้ (Visa Inc ปี 2008)

Friday, September 19, 2014

สรุปภาพรวมตลาดหุ้นไทย 15-19 ก.ย.2557

(15/9/2014 – 19/9/2014) #SET สัปดาห์นี้เผชิญความผันผวนค่ อนข้างมาก ต้นสัปดาห์เจอแรงขาย ออกมาจากพอร์ต โบรกเกอร์ แต่ก็มีแรงซื้อกลับมาดัน ตลาดให้กลับมาปดเหนือระดับ 1580 จุดอีกครั้ง ความกังวลต่อการขึ้น ดอกเบี้ยนโยบายของ FED จบไป แต่ การประชุม FOMC เดือนหน้าตลาด จะกลับมาจับตาประเด็นนี้อีกครั้ง

ต่างชาติยังซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทย ตลอดสัปดาห์นี้ที่ 5,445.83 ล้าน บาท มากกว่าสัปดาห์ที่แล้วอย่างมีนัย ยะสำคัญที่ประมาณ 2 พันกว่าล้าน รวมตลอดเดือนกันยายน 2557 นี้ต่าง ชาติซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทย 15,115.05 ล้านบาท

นักลงทุนหวังว่า #SET จะขึ้นไปแตะ ระดับ 1600 จุด ในสัปดาห์หน้า ซึ่ง ถือเปนระดับมูลค่าที่แพงเมื่อเทียบกับ ผลประกอบการกำไรใน บจ.ที่ทำได้ใน ครึ่งปแรกที่โตแค่ 1.1% จากปที่แล้ว เท่านั้น ดังนั้นดัชนีหุ้นไทย ณ 1584.91 จุดนี้ ครึ่งปหลังบจ.ใน #SET ต้องทำกำไรให้โตมากกว่าปที่ แล้วมากกว่า 9% ถึงจะถือเปนมูลค่าที่ เหมาะสม